SOPA คืออะไร เป็นกระแสในช่วงนี้ มีคนพูดถึง SOPA กันมาก หลายคนยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร SOPA หรือ Stop Online Piracy Act เป็นกฎหมายในสหรัฐอเมริกา ที่ให้อำนาจรัฐในการปิดกั้นเว็บไซต์ด้วยเหตุผลจากการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ง่ายๆก็คือรัฐมีอำนาจในการควบคุม หรือปิดกั้นเว็บที่เห็นว่ามีการละเมิดลิขสิทธิ์นั่นเอง กฎหมายฉบับนี้ให้อำนาจไว้กว้างมากถึงขนาดว่า ห้ามแม้กระทั่งลิงก์ไปหาเว็บไซต์ที่มีการละเมิดลิขสิทธิ์ทรัพย์สินทางปัญญา กฎหมายใหม่ฉบับนี้ของอเมริกากำลังรอการพิจารณากันอยู่ในสภา ซึ่งถ้าร่างกฎหมายฉบับนี้ผ่าน เว็บไซต์ต่างๆจะถูกเซ็นเซอร์และถูกปิดลงเพียบเลยทีเดียว เว็บโหลดบิท โหลดหนัง ไม่ต้องถามหากันเลยทีเดียว หลายๆเว็บยักษ์ใหญ่ก็ออกมาประท้วง อย่าง วิกิพีเดีย กูเกิ้ล ก็ออกมาประท้วง เนื่องจากเว็บยักษ์ใหญ่แบบนี้ คงเป็นไปไม่ได้ ที่อาจจะไม่มีการลิงก์ไปยังเว็บที่มีเนื้อหาผิดลิขสิทธ์ เช่น Youtube ก็อาจจะมีวิดีโอที่ผิดลิชสิทธิ์ โผล่มาให้เห็นเป็นประจำ ซึ่งแน่นอนเข้าข่าย ผิดกฎหมายฉบับนี้ ข่าวจากเว็บไซต์ ASTV ผู้จัดการออนไลน์ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสาเหตุที่วิกิพีเดียออกมาประท้วงว่า สิ่งที่วิกิพีเดียยอมรับไม่ได้คือ “SOPA ได้ให้อำนาจกับกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ(Department of Justice) และเจ้าของลิขสิทธิ์มากเกินไป เพราะสามารถขอให้ศาลสั่งปราบปรามบรรดาเว็บไซต์ที่ถูกกล่าวหาว่าพัวพันกับการละเมิดลิขสิทธิ์ได้เต็มที่” จากข้อความดังกล่าว คือเว็บไซต์ที่มีเนื้อหา หรือเข้าข่ายผิดกฎหมายฉบับดังกล่าว อาจจะโดนสั่งเซ็นเซอร์โดยไม่รู้ตัว ทั้งนี้ปัจจุบันเว็บส่วนใหญ่ อยู่ในยุคเว็บ 2.0 ซึ่งควบคุมเนื้อหาได้ยาก เพราะเนื้อหาที่เกิดขึ้น เกิดจากผู้ใช้งาน ไม่ใช่เจ้าของเว็บไซต์
และหาก SOPA มีผลบังคับใช้ในสหรัฐฯ ศาลจะสามารถสั่งห้าม หรือเซ็นเซอร์ทุกเว็บไซต์เกี่ยวข้องกับเว็บที่ละเมิดลิขสิทธิ์ แน่นอนครอบคลุมไปถึงเครือข่ายโฆษณา หรือเครือข่ายชำระเงินออนไลน์ อย่างเช่น เพย์แพล(Paypal) และ Search Engin อย่าง Google ก็จะถูกสั่งห้ามเชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์เหล่านั้นด้วย
ที่สำคัญ ร่างรัฐบัญญัตินี้ยังกำหนดให้การใช้ข้อมูลละเมิดลิขสิทธิ์เป็นความผิดอาญาอุกฉกรรจ์ และการใด ๆ ที่บรรดาผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตกระทำไปเพื่อต่อต้านเว็บไซต์ละเมิดลิขสิทธิ์ จะไม่เป็นความผิดและไม่อยู่ในความรับผิดทุกประการ
“การปิดเว็บไซต์ประท้วงของวิกิพีเดียครั้งนี้ เกิดขึ้นบนความหวังให้ชาวออนไลน์ในสหรัฐฯเข้าใจถึงร่างกฏหมายทั้ง 2 ฉบับ ทั้ง SOPA ที่เพิ่งแท้งไป และ PIPA ที่วิศวกรอินเทอร์เน็ตจำนวนหนึ่งออกมาแสดงความไม่เห็นด้วย ซึ่งชาวออนไลน์ควรต้องเข้าใจและรับทราบความเปลี่ยนแปลงที่จะตามมานั่นเอง “